เมื่อยีนเหล่านี้ทำงานไม่ดี จะทำให้กระบวนการกำจัดสารพิษบกพร่องและอาจทำให้สารพิษสะสมในร่างกาย ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ บทความนี้จะอธิบายว่าพันธุกรรมของคุณมีอิทธิพลต่อกระบวนการกำจัดสารพิษอย่างไร และแนะนำเคล็ดลับที่ช่วยเสริมสร้างความสามารถในการกำจัดสารพิษของร่างกายคุณ

ยีนหลักที่เกี่ยวข้องกับการกำจัดสารพิษ

1. CBS (Cystathionine Beta-Synthase):

ยีน CBS มีบทบาทในการเผาผลาญกำมะถัน (Sulfur) และการสลายโฮโมซิสเทอีน ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่อาจสะสมในร่างกาย ระดับโฮโมซิสเทอีนที่สูงเกี่ยวข้องกับปัญหาหัวใจและหลอดเลือด ดังนั้น CBS จะช่วยจัดการโดยการแปลงโฮโมซิสเทอีนให้กลายเป็นสารอื่นที่ไม่เป็นอันตราย

2. CTH (Cystathionine Gamma-Lyase):

ยีน CTH มีความสำคัญในการผลิต กลูตาไธโอน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ กลูตาไธโอนมีบทบาทสำคัญในการกำจัดสารพิษในตับและการต้านอนุมูลอิสระ หากการทำงานของเอนไซม์ CTH ถูกรบกวนจากการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม อาจทำให้ร่างกายไม่สามารถผลิตกลูตาไธโอนได้เพียงพอ ทำให้ยากขึ้นในการขจัดสารพิษและต้านอนุมูลอิสระที่อาจทำลายเซลล์

3. AHCY (Adenosylhomocysteinase):

ยีน AHCY ช่วยสลาย S-adenosylhomocysteine (SAH) ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากกระบวนการเมทิลเลชั่น โดยเมทิลเลชั่นมีความสำคัญในการแสดงออกของยีน การซ่อมแซม DNA และกระบวนการเมตาบอลิซึมต่างๆ การควบคุมระดับ SAH โดย AHCY ช่วยให้กระบวนการเมทิลเลชั่นทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากการทำงานของเอนไซม์ AHCY บกพร่อง อาจทำให้เกิดการสะสมของ SAH ซึ่งจะขัดขวางทั้งกระบวนการเมทิลเลชันและการกำจัดสารพิษ

SNPs ที่เกี่ยวข้องกับความแปรปรวนในกระบวนการกำจัดสารพิษ

• CBS C699T (rs234706): SNP นี้เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงในยีน CBS ที่อาจมีผลต่อการเผาผลาญกำมะถัน และการสลายโฮโมซิสเทอีน 
• CTH rs1021737: การเปลี่ยนแปลงใน SNP นี้สามารถส่งผลกระทบต่อกิจกรรมของยีน CTH และการผลิตกลูตาไธโอน ระดับกลูตาไธโอนที่ต่ำทำให้ร่างกายทำลายสารพิษและปกป้องเซลล์จากการทำลายของอนุมูลอิสระได้ยากขึ้น
• AHCY rs819147: SNP นี้มีผลต่อการทำงานของยีน AHCY โดยมีผลต่อการสลาย SAH หากเอนไซม์นี้ทำงานได้ไม่ดี อาจทำให้เกิดการสะสมของ SAH ซึ่งอาจขัดขวางกระบวนการกำจัดสารพิษ โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเมทิลเลชัน

เคล็ดลับทั่วไปในการเสริมกระบวนการกำจัดสารพิษ

1. ปรับปรุงโภชนาการและสารอาหาร

• วิตามินบี: วิตามิน B6, B12 และโฟเลตจำเป็นต่อกระบวนการเมทิลเลชันและการเผาผลาญโฮโมซิสเทอีน ควรทานผักใบเขียว ถั่วต่างๆ ไข่ และซีเรียลที่เสริมวิตามิน
• เพิ่มระดับกลูตาไธโอน: ใช้เสริม NAC หรือทานอาหารที่มีกลูตาไธโอนสูง เช่น กระเทียม ผักตระกูลกะหล่ำ (เช่น บล็อกโคลี เคล กะหล่ำปลี) อะโวคาโด และมะเขือยาว

2. เพิ่มการรับประทานสารต้านอนุมูลอิสระ

• ทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง เช่น เบอร์รี่ ผลไม้ที่มีวิตามิน C (ส้ม พริกหวาน) อาหารที่มีวิตามิน E (ถั่ว เมล็ดพืช) และชาเขียว ซึ่งมีสารคาเทชินช่วยกระตุ้นการกำจัดสารพิษ

3. เสริมกระบวนการเมทิลเลชั่น

• วิตามินบีเมทิล: ใช้วิตามินบีในรูปแบบเมทิล เช่น เมทิลโฟเลตและเมทิลโคบาลามิน หากคุณมีการแปรผันทางพันธุกรรมบางประเภท เช่น MTHFR
• บีเทนจากธรรมชาติ: พบในอาหารเช่น บีทและผักโขม ช่วยลดโฮโมซิสเทอีนและสนับสนุนกระบวนการเมทิลเลชัน

4. ลดการสัมผัสสารพิษ

• เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลตัวเองที่เป็นธรรมชาติ หลีกเลี่ยงการใช้ภาชนะพลาสติกเพื่อลดการสัมผัสสารพิษอย่าง BPA เลือกผักและผลไม้แบบออร์แกนิกหากเป็นไปได้

5. จำกัดการบริโภคแอลกอฮอล์และคาเฟอีน

• การบริโภคในปริมาณที่พอเหมาะเป็นสิ่งสำคัญ ลดการบริโภคแอลกอฮอล์และคาเฟอีนเพื่อลดภาระตับและช่วยกระบวนการกำจัดสารพิษ

6. ฝึกการทำสมาธิและการลดความเครียด

• จัดการความเครียดด้วยการทำสมาธิ การหายใจลึก และโยคะ อย่าลืมให้ความสำคัญกับการนอนหลับที่มีคุณภาพเพื่อการซ่อมแซมร่างกายและกระบวนการกำจัดสารพิษ โดยเฉพาะในระบบการกำจัดสารพิษและของเสียของสมอง

7. พิจารณาการตรวจ DNA เพื่อรับคำแนะนำที่ตรงกับตัวคุณ

• การทดสอบดีเอ็นเอสามารถให้ข้อมูลที่เฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับการกำจัดสารพิษของร่างกายคุณ ช่วยให้คุณปรับกระบวนการนี้ให้เหมาะสมกับพันธุกรรมของคุณมากที่สุด

เคล็ดลับทั่วไปเหล่านี้ช่วยเสริมกระบวนการกำจัดสารพิษของคุณได้ แต่การเข้าใจว่าพันธุกรรมของคุณมีอิทธิพลต่อกระบวนการกำจัดสารพิษอย่างไรจะช่วยให้คุณดูแลตัวเองได้อย่างตรงจุดมากที่สุด แพ็กเกจ Exclusive ของ Geneus DNA ช่วยให้คุณรู้ลึกถึงระดับยีนที่มีอิทธิพลต่อการขับสารพิษของร่างกายว่าควรเสริมจุดไหนและเสริมอย่างไร ด้วยคำแนะนำเฉพาะบุคคลที่ได้รับการยืนยันทางวิทยาศาสตร์ เพื่อเสริมกระบวนการกำจัดสารพิษได้อย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพ