หลายคนเชื่อว่าการไม่กินกลูเตนจะช่วยให้สุขภาพดีขึ้น และช่วยลดน้ำหนักได้ แต่การไม่กินกลูเตนเป็นทางเลือกที่ดีหรือเป็นแค่กระแสนิยมกันแน่? บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจถึงความจริงเกี่ยวกับกลูเตน และผลกระทบต่อสุขภาพของเรามากขึ้น
การหลีกเลี่ยงกลูเตนกลายเป็นแนวโน้มที่ได้รับความนิยมสูงในปัจจุบัน หลายคนเชื่อว่า การไม่กินกลูเตนจะช่วยส่งเสริมสุขภาพและลดน้ำหนักได้ แล้วคุณล่ะ คิดว่ากลูเตนเป็นสิ่งที่จำเป็น ต่อร่างกายหรือไม่? และการไม่กินกลูเตนในอาหารเป็นการเลือกที่ดีจริง หรือเป็นเพียงแค่กระแสนิยม? บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจว่า กลูเตนคืออะไร มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร รวมถึงการวิเคราะห์ยีนที่เกี่ยวข้องกับความไวต่อกลูเตน เพื่อลดความเสี่ยงของอาการแพ้กลูเตน ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพได้
กลูเตน (Gluten) คือไกลโคโปรตีนที่ประกอบด้วยโปรตีนหลักสองชนิด ได้แก่ กลูเตนิน (Glutenin) และ กลิอาดิน (Gliadin) ซึ่งกลูเตนสามารถพบได้ในธัญพืช เช่น ข้าวสาลี, ข้าวบาร์เลย์ และข้าวไรย์
จึงสามารถสรุปได้ว่า กลูเตนมีคุณสมบัติในการสร้างโครงข่ายที่ยืดหยุ่นและเหนียว ซึ่งช่วยให้แป้งมีความยืดหยุ่นและสามารถพองตัวได้ดีเมื่ออบ เช่น ในขนมปัง และผลิตภัณฑ์จากแป้งอื่นๆ ส่งผลให้แป้งมีเนื้อสัมผัสที่ดี และสามารถขึ้นรูปได้อย่างสวยงาม
อย่างไรก็ตาม กลูเตนอาจเป็นปัญหาสำหรับผู้ที่มีภาวะแพ้กลูเตน เช่น โรคเซลิแอค (Celiac Disease) ซึ่งทำให้เกิดการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันที่ทำลายเนื้อเยื่อในลำไส้เล็ก จนทำให้เกิดอาการ เช่น ท้องอืด ท้องเสีย และปวดท้อง นอกจากนี้ คนที่มีภาวะไวต่อกลูเตน (Gluten Sensitivity) ก็อาจมีอาการคล้ายกัน แม้จะไม่มีการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันที่ชัดเจนเหมือนในโรคเซลิแอคก็ตาม
การหลีกเลี่ยงกลูเตนได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เนื่องจากหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและการแพทย์ โดยส่วนใหญ่ผู้คนไม่กินกลูเตนด้วยเหตุผลสำคัญ ดังนี้
กลูเตนไม่ถือเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายมนุษย์ ร่างกายไม่ต้องการกลูเตน เพื่อส่งเสริมการทำงานของระบบต่างๆ ดังนั้นการบริโภคกลูเตนหรือไม่ ขึ้นอยู่กับสุขภาพส่วนบุคคล และคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพของคนนั้นๆ
สำหรับผู้ที่ไม่มีปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับกลูเตน การบริโภคกลูเตนในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่ถือเป็นอันตราย และสามารถนำกลูเตนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของมื้ออาหารตามหลักโภชนาการ ได้ ในขณะที่คนแพ้กลูเตน ควรระวังเรื่องอาหารการกินให้ดี และมองหาสัญลักษณ์กลูเตนฟรีด้วยจะดีที่สุด (Gluten Free)
การตรวจสอบยีนที่เกี่ยวข้องกับกลูเตน สามารถให้ข้อมูลในการประเมินความเสี่ยงโรคเซลิแอค และความไวต่อกลูเตนได้ ซึ่งยีนที่สำคัญ ได้แก่
การวิเคราะห์ทางพันธุกรรม จากยีน HLA-DQ2.5 และ HLA-DQ8
เนื่องจากยีน HLA-DQ2.5 และ HLA-DQ8 เป็นยีนที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงในการพัฒนาโรคเซลิแอค ซึ่งเป็นโรคภูมิแพ้ที่เกิดจากการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันต่อกลูเตน ประมาณ 90% ของผู้ที่เป็นโรคเซลิแอค มักมียีน HLA-DQ2.5 ในระบบภูมิคุ้มกัน และอีก 10% มียีน HLA-DQ8 ทำให้การทดสอบทางพันธุกรรมสามารถช่วยระบุความเสี่ยงได้ว่า เรามีโอกาสที่จะเป็นโรคเซลิแอคหรือไม่ผ่านยีนทั้งสอง
การเข้าใจเกี่ยวกับความเสี่ยงทางพันธุกรรมของตัวเอง เป็นกุญแจสำคัญในการดูแลสุขภาพ อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณมีความกังวลเกี่ยวกับการแพ้กลูเตน หรือโรคเซลิแอค Geneus DNA มีบริการตรวจสอบยีนที่สามารถช่วยให้คุณทราบ ถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างแม่นยำ
เนื่องจาก Geneus DNA ใช้เทคโนโลยี Whole Genome-wide Array ที่มีความสามารถในการวิเคราะห์จำนวน SNPs กว่า 10 ล้านตำแหน่ง ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัย และครอบคลุมมากที่สุดในการศึกษาพันธุกรรม ทำให้คุณสามารถรู้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสุขภาพ ของตัวเองได้อย่างละเอียด ซึ่งบริการนี้ไม่เพียงแค่ตรวจสอบความเสี่ยงการแพ้กลูเตน แต่ยังให้ข้อมูลที่ครบถ้วนเกี่ยวกับแนวโน้มความเสี่ยงโรคต่างๆ รวมถึงโภชนาการที่ควรได้รับ การพักผ่อน และการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับตัวคุณด้วย ทำให้มีประโยชน์ต่อการวางแผน การดูแลสุขภาพ ให้เหมาะกับความต้องการของร่างกายตัวเองมากที่สุด
การหลีกเลี่ยงกลูเตนสามารถมีข้อดีหลายประการ โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับกลูเตน
แม้ว่าการหลีกเลี่ยงกลูเตนอาจมีข้อดี แต่ก็มีข้อเสียบางส่วนที่ควรพิจารณาด้วย อาทิ
การหลีกเลี่ยงกลูเตนมีความจำเป็นสำหรับผู้ที่มีโรคเซลิแอค, แพ้กลูเตน หรือเป็นโรคภูมิแพ้ข้าวสาลี แต่สำหรับผู้ที่ไม่มีปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับกลูเตน การบริโภคกลูเตนในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่ถือเป็นอันตราย และสามารถเป็นส่วนหนึ่งของอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการได้ นอกจากนี้การตรวจสอบยีนที่เกี่ยวข้องกับกลูเตน สามารถให้ข้อมูลที่สำคัญ ในการประเมินความเสี่ยง และวางแผนทางสุขภาพได้ด้วย