โรคเบาหวานเป็นภาวะเรื้อรังที่พบมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในกลุ่มที่บริโภคน้ำตาลและอาหารแปรรูปสูง ปัจจัยหลักของโรคนี้คือภาวะดื้อต่ออินซูลิน ซึ่งทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้น การใช้สารสกัดจากพิกโนจีนอล (Pycnogenol) จากเปลือกสนมาริไทม์ช่วยลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานได้ ด้วยคุณสมบัติที่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลอย่างมีประสิทธิภาพ
การป้องกันโรคเบาหวานไม่เพียงแค่การควบคุมอาหารหรือการออกกำลังกายเท่านั้น แต่ยังสามารถเสริมด้วยการใช้สารอาหารจากธรรมชาติอย่าง พิกโนจีนอล (Pycnogenol) สารสกัดจากเปลือกสนมาริไทม์ที่มีคุณสมบัติในการลดความเสี่ยงของโรคเบาหวาน และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้
พิกโนจีนอล (Pycnogenol) เป็นสารสกัดจากเปลือกสนมาริไทม์ (Maritime Pine) ซึ่งพบมากในแถบชายฝั่งทางตอนใต้ของฝรั่งเศส โดยเปลือกสนนี้ถูกนำมาสกัด เพื่อให้ได้สารประกอบจากธรรมชาติที่มีคุณค่าต่อสุขภาพ ทั้งนี้ พิกโนจีนอลเป็นที่รู้จักกันดีว่า เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง
นอกจากนี้ยังประกอบไปด้วยกลุ่มสารฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) และโปรแอนโทไซยานิดิน (Proanthocyanidins) ซึ่งมีคุณสมบัติสำคัญในการช่วยลดการอักเสบ และการเสื่อมสภาพของเซลล์ในร่างกายด้วย
การศึกษาหลายชิ้นพบว่า พิกโนจีนอลมีส่วนช่วยในการส่งเสริมการทำงานของระบบไหลเวียนโลหิต ช่วยลดการอักเสบของเซลล์ ป้องกันการอุดตันของหลอดเลือด รวมถึงมีบทบาทสำคัญในการปรับปรุงการทำงานของอินซูลิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ทำให้พิกโนจีนอลมีประสิทธิภาพในการลดความเสี่ยงของการเกิดโรคเบาหวาน
พิกโนจีนอลมีสรรพคุณทางการแพทย์ที่หลากหลาย ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพโดยรวม โดยสรรพคุณหลักๆ ของพิกโนจีนอล ได้แก่
1. ต้านอนุมูลอิสระ: สารอนุมูลอิสระเป็นตัวการทำให้เซลล์ในร่างกายเสียหาย และส่งผลให้เกิดโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคหัวใจ โรคมะเร็ง และโรคเบาหวาน พิกโนจีนอลมีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์ในร่างกาย
2. ปรับปรุงการไหลเวียนเลือด: พิกโนจีนอลมีผลต่อการขยายตัวของหลอดเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น ลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะหลอดเลือดอุดตัน ซึ่งมีความสำคัญในการป้องกันโรคเบาหวาน และภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้อง
3. ลดการอักเสบ: การอักเสบเรื้อรังในร่างกายสามารถเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคเบาหวาน และภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ การรับประทานพิกโนจีนอลช่วยลดการอักเสบในร่างกาย ทำให้ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรัง
4. ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด: หนึ่งในสรรพคุณสำคัญของพิกโนจีนอลคือการช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด โดยช่วยปรับปรุงการทำงานของอินซูลิน ทำให้ร่างกายสามารถใช้น้ำตาลในเลือด ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
5. ส่งเสริมการทำงานของหลอดเลือด: ผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานมีโอกาสเกิดปัญหาหลอดเลือดสูง พิกโนจีนอลช่วยให้หลอดเลือดแข็งแรงขึ้น และช่วยป้องกันภาวะหลอดเลือดอุดตัน
การศึกษาทางการแพทย์แสดงให้เห็นว่าพิกโนจีนอลมีบทบาทในการลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานด้วยหลายกลไก ได้แก่
1. ปรับปรุงการทำงานของอินซูลิน: อินซูลินเป็นฮอร์โมนที่มีบทบาทสำคัญ ในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด โดยพิกโนจีนอลช่วยปรับปรุงความไวของร่างกายต่ออินซูลิน ทำให้ร่างกายนำกลูโคสไปใช้ได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งเป็นการช่วยลดความเสี่ยง ของการเกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคเบาหวานประเภท 2
2. ลดระดับน้ำตาลในเลือด: การรับประทานพิกโนจีนอลช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดหลังการรับประทานอาหาร ทำให้ป้องกันการเพิ่มขึ้นของน้ำตาลในเลือดอย่างฉับพลัน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการเกิดโรคเบาหวาน
3. ป้องกันภาวะออกซิเดชัน: ภาวะออกซิเดชันเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการเกิดโรคเรื้อรัง รวมถึงโรคเบาหวาน พิกโนจีนอลมีความสามารถในการลดภาวะออกซิเดชันในร่างกาย ทำให้ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรค และภาวะแทรกซ้อนต่างๆ
4. ส่งเสริมการทำงานของหลอดเลือด: หนึ่งในภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวานคือปัญหาเกี่ยวกับหลอดเลือด การรับประทานพิกโนจีนอลช่วยให้หลอดเลือดแข็งแรงขึ้น ลดการอุดตัน และช่วยให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้นด้วย ซึ่งเป็นการป้องกันการเกิดปัญหาหลอดเลือดที่เกี่ยวข้องกับโรคเบาหวาน
5. ลดการอักเสบในร่างกาย: การอักเสบเรื้อรังเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดโรคเบาหวาน พิกโนจีนอลมีฤทธิ์ในการลดการอักเสบในร่างกาย ช่วยบรรเทาอาการที่เกี่ยวข้องกับภาวะดื้อต่ออินซูลิน และลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวาน
การป้องกันโรคเบาหวานไม่สามารถพึ่งพาการรับประทานพิกโนจีนอลเพียงอย่างเดียวได้ การดูแลสุขภาพด้วยการควบคุมอาหาร ออกกำลังกายเป็นประจำ และลดน้ำตาลในอาหารยังคงเป็นสิ่งสำคัญ อย่างไรก็ตาม การเสริมด้วยการรับประทานพิกโนจีนอล เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันโรคเบาหวานได้ การรับประทานพิกโนจีนอลในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยปรับปรุงการทำงานของอินซูลิน ลดระดับน้ำตาลในเลือด และช่วยเสริมสร้างหลอดเลือดให้แข็งแรงขึ้น
ก่อนการรับประทานพิกโนจีนอล ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีปัญหาสุขภาพที่อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียง และเพื่อให้แน่ใจว่าการรับประทานพิกโนจีนอลจะเป็นไปอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
ปัจจุบันผลิตภัณฑ์เสริมอาหารของ CARE persona ได้มีการใช้พิกโนจีนอล (Pycnogenol) เข้ามาเป็นส่วนประกอบสำคัญของวิตามินบางสูตร เช่น สูตร Aura Skin ซึ่งแม้จะเน้นผลลัพธ์ไปที่การดูแลผิวจากภายใน แต่ด้วยคุรประโยชน์และสรรพคุณของพิกโนจีนอล จะทำให้ผู้ที่ทานวิตามินสูตร Aura Skin ไม่เพียงแต่ได้รับการดูแลด้านผิว ทว่า CARE จะช่วยดูแลอย่างล้ำลึกไปจนถึงปัญหาสุขภาพด้านต่างๆ ซึ่งรวมไปถึงการลดความเสี่ยงโรคเบาหวาน ด้วยคุณสมบัติพิเศษจากพิกโนจีนอลด้วย