Rated 4.98-stars across 2K+ reviews
Rated 4.98-stars across 2K+ reviews Rated 4.98-stars across 2K+ reviews Rated 4.98-stars across 2K+ reviews Rated 4.98-stars across 2K+ reviews Rated 4.98-stars across 2K+ reviews

เคล็ดลับ วิธีเลี้ยงลูกให้สูงสมวัย พร้อมบำรุงสมองด้วยสารอาหารธรรมชาติ

GeneusDNA profile image By
GeneusDNA
|
Aug 16, 2024
|
246
ครอบครัว
วิธีเลี้ยงลูกให้สูงสมวัย, วิตามินเพิ่มความสูง, วิตามินบำรุงสมองเด็ก
Summary
วิธีเลี้ยงลูกให้สูงสมวัย, วิตามินเพิ่มความสูง, วิตามินบำรุงสมองเด็ก

พาไปส่องเคล็ดลับ ทำยังไงให้ลูกสูงและฉลาด แนะนำวิตามินที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการเด็ก เลี้ยงลูกยังไงให้สูงแถมฉลาดสมวัย มีคำตอบ

อยากให้ลูกสูงสมวัย พร้อมมีสุขภาพที่ดีและฉลาดไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่ต้องเข้าใจว่าธรรมชาติของเด็ก ต้องการวิตามิน รวมถึงสารอาหาร และการเลี้ยงดูอย่างไรบ้าง เพราะเรารู้ดีว่าการเลี้ยงดูลูก ให้เติบโตอย่างสมบูรณ์ ทั้งร่างกายและสมองเป็นความปรารถนาของพ่อแม่ทุกคน แต่จะทำยังไงให้ลูกสูง? โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคปัจจุบันที่มีการแข่งขันในทุกด้าน การมีร่างกายที่แข็งแรง และสมองที่ฉลาดเฉียบแหลม จึงเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะช่วยให้ลูกประสบความสำเร็จในชีวิต บทความนี้จะนำเสนอเคล็ดลับ และวิธีการเลี้ยงลูกให้มีความสูงสมวัย พร้อมทั้งแนะนำ สารอาหารธรรมชาติที่ช่วยบำรุงสมองเด็ก และวิตามินเพิ่มความสูง เพื่อให้ลูกของคุณเติบโตอย่างมีคุณภาพ และมีศักยภาพเต็มที่

อยากให้ลูกสูงและฉลาด ต้องทำอย่างไรบ้าง? พร้อมแนะนำ วิตามินเพิ่มความสูง และ วิตามินบำรุงสมองเด็ก

ความสำคัญของการเจริญเติบโตทางด้านร่างกายและสมองในเด็ก

การเจริญเติบโตทางด้านร่างกายและสมองในเด็ก เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นควบคู่กัน และมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อพัฒนาการโดยรวม การมีร่างกายที่แข็งแรงและสูงสมวัย ไม่เพียงแต่ส่งผลดีต่อสุขภาพกายเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อความมั่นใจ และการเข้าสังคมของเด็กอีกด้วย ในขณะเดียวกัน การพัฒนาสมองที่ดีจะช่วยเสริมสร้าง ความสามารถในการเรียนรู้ ความจำ และทักษะการคิดวิเคราะห์ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับความสำเร็จในการศึกษา และการทำงานในอนาคต

วิธีเลี้ยงลูกให้สูงสมวัย

เคล็ดลับการเลี้ยงลูกให้สูงสมวัย วิตามินสำหรับเด็กช่วยให้สูงและฉลาด

อยากให้ลูกสูงต้องเสริมสร้างโภชนาการที่เหมาะสม

การได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนและเพียงพอเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย พ่อแม่ควรจัดอาหารให้ลูกอย่างสมดุล โดยเน้นอาหารที่มีโปรตีนคุณภาพสูง เช่น เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ไข่ นม และถั่วต่างๆ นอกจากนี้ ควรให้ลูกรับประทานผักและผลไม้หลากหลายชนิด เพื่อให้ได้รับวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็น โดยเฉพาะแคลเซียมและวิตามินดี ซึ่งมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของกระดูกและความสูง

การออกกำลังกายและการเล่นกีฬาช่วยให้ลูกสูงพร้อมแข็งแรง

การส่งเสริมให้เด็กออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ไม่เพียงแต่ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ และกระดูกให้แข็งแรงเท่านั้น แต่ยังกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนการเจริญเติบโตอีกด้วย กิจกรรมที่แนะนำ ได้แก่ การวิ่ง การกระโดด การว่ายน้ำ และการเล่นกีฬาประเภทต่างๆ โดยควรส่งเสริมให้เด็กออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 60 นาที

การนอนหลับที่เพียงพอ มีผลต่อความฉลาดและการเจริญเติบโต

การนอนหลับเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนการเจริญเติบโตมากที่สุด พ่อแม่ควรสร้างนิสัยการนอนที่ดีให้กับลูก โดยกำหนดเวลานอนและตื่นที่แน่นอน และสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการนอนหลับ เด็กวัยเรียนควรได้นอนหลับอย่างน้อย 9-11 ชั่วโมงต่อวัน

การลดความเครียด ช่วยให้เด็กสูงขึ้นได้

ความเครียดสามารถส่งผลเสียต่อการเจริญเติบโตของเด็กได้ พ่อแม่ควรสร้างสภาพแวดล้อมที่อบอุ่นและปลอดภัยที่บ้าน ให้เวลาพูดคุยและรับฟังปัญหาของลูก รวมถึงส่งเสริมให้ลูกทำกิจกรรมผ่อนคลาย เช่น การฟังเพลง การวาดรูป หรือการทำสมาธิ

วิตามินช่วยให้ลูกสูงและฉลาด


วิตามินเพิ่มความสูง และ วิตามินบำรุงสมองเด็ก

วิตามินดี (Vitamin D)

วิตามินดีช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างกระดูกและฟันที่แข็งแรง เด็กที่ได้รับวิตามินดีอย่างเพียงพอจะมีการเจริญเติบโตของกระดูกที่ดี นอกจากนี้ วิตามินดียังช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และป้องกันโรคกระดูกพรุนในอนาคต สามารถพบวิตามินดีได้จากแสงแดด ปลาที่มีไขมัน ไข่ และนมเสริมวิตามินดี

วิตามินเอ (Vitamin A)

วิตามินเอมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาการมองเห็น และการเจริญเติบโตของเซลล์ นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ป้องกันการติดเชื้อ และช่วยในการซ่อมแซมเนื้อเยื่อต่างๆ วิตามินเอยังมีส่วนช่วยในการพัฒนาสมอง และระบบประสาทอีกด้วย แหล่งที่พบวิตามินเอ ได้แก่ ผักสีเขียวเข้ม ผลไม้สีส้ม เช่น แครอท ฟักทอง ไข่ และนม

วิตามินบีรวม (Vitamin B Complex)

วิตามินบีรวมประกอบด้วยวิตามินบีหลายชนิด ที่มีบทบาทสำคัญในการทำงานของสมอง และระบบประสาท เช่น วิตามินบี1 (ไทอามิน), วิตามินบี6 (ไพริดอกซิน), และวิตามินบี12 (โคบาลามิน) วิตามินเหล่านี้ช่วยในการสร้างสารสื่อประสาท เพิ่มพลังงาน และเสริมสร้างสมาธิและความจำ แหล่งอาหารที่พบวิตามินบีรวม ได้แก่ ธัญพืชเต็มเมล็ด เนื้อสัตว์ ถั่ว และนม

วิตามินซี (Vitamin C)

วิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และการเจริญเติบโตของเซลล์ วิตามินซียังช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็ก และเสริมสร้างคอลลาเจน ซึ่งสำคัญต่อการเจริญเติบโตของกระดูก และเนื้อเยื่อ ทั้งยังมีส่วนช่วยในการป้องกันโรคหวัดและการติดเชื้ออื่นๆ แหล่งอาหารที่มีวิตามินซีได้แก่ ผลไม้เช่น ส้ม สตรอเบอร์รี่ กีวี่ มะเขือเทศ และอะเซโรลาเชอร์รี่

แคลเซียม (Calcium)

แคลเซียมเป็นแร่ธาตุที่สำคัญในการสร้างกระดูกและฟันที่แข็งแรง เด็กที่ได้รับแคลเซียมอย่างเพียงพอ จะมีการเจริญเติบโตของกระดูกที่ดี และลดความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุนในอนาคต นอกจากนี้ แคลเซียมยังมีบทบาทในการทำงานของกล้ามเนื้อและระบบประสาท แหล่งอาหารที่มีแคลเซียมได้แก่ นม ชีส โยเกิร์ต และผักใบเขียว

แคลเซียมแอลทรีโอเนต (Calcium L-Threonate)

แคลเซียมแอลทรีโอเนตที่สกัดจากพืชเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับเด็ก เพราะมีการดูดซึมที่สูง และไม่ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อระบบย่อยอาหาร ทำให้เด็กได้รับแคลเซียมเพียงพอ สำหรับการเจริญเติบโตของกระดูกและฟันที่แข็งแรง นอกจากนี้ แคลเซียมชนิดนี้ยังช่วยในการทำงานของ กล้ามเนื้อและระบบประสาท และเนื่องจากมาจากแหล่งพืชจึงเป็นทางเลือกที่ปลอดภัย และเหมาะสมสำหรับเด็กที่มีอาการแพ้นมวัว หรือต้องการหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์จากสัตว์

โอเมก้า-3 (Omega-3)

โอเมก้า-3 เป็นกรดไขมันที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาสมอง และระบบประสาท โดยเฉพาะในช่วงวัยเด็ก โอเมก้า-3 ช่วยเสริมสร้างการเรียนรู้ ความจำ และสมาธิ นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยในการลดการอักเสบ และส่งเสริมสุขภาพหัวใจ แหล่งอาหารที่มีโอเมก้า-3 ได้แก่ ปลาที่มีไขมันสูง เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ถั่ว และเมล็ดเจีย

กิจกรรมส่งเสริมพัฒนาการทางสมองเด็ก


กิจกรรมส่งเสริมพัฒนาการทางสมองเด็ก

การอ่านหนังสือ

การอ่านหนังสือเป็นกิจกรรมที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองได้อย่างมีประสิทธิภาพ พ่อแม่ควรส่งเสริมให้ลูกรักการอ่านตั้งแต่วัยเด็ก โดยเริ่มจากการอ่านนิทานให้ฟังก่อนนอน และค่อยๆ ส่งเสริมให้ลูกอ่านด้วยตนเองเมื่อโตขึ้น การอ่านช่วยพัฒนาทักษะด้านภาษา จินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์

การเล่นเกมฝึกสมอง

เกมฝึกสมองเป็นวิธีที่สนุกและมีประสิทธิภาพในการพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์และการแก้ปัญหา ตัวอย่างเกมที่แนะนำ ได้แก่ เกมต่อจิ๊กซอว์ เกมหมากรุก เกมซูโดกุ และเกมปริศนาอักษรไขว้ พ่อแม่ควรเลือกเกมที่เหมาะสมกับวัย และความสนใจของลูก

การเรียนดนตรี

การเรียนดนตรีช่วยพัฒนาสมองหลายด้าน ทั้งความจำ การประสานงาน และความคิดสร้างสรรค์ การฝึกเล่นเครื่องดนตรีอย่างสม่ำเสมอจะช่วยเสริมสร้างการเชื่อมโยงระหว่างเซลล์ประสาทในสมอง ซึ่งส่งผลดีต่อการเรียนรู้ และพัฒนาการทางสติปัญญา

การเล่นกีฬาและออกกำลังกาย

นอกจากจะช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตทางร่างกายแล้ว การเล่นกีฬาและออกกำลังกาย ยังช่วยพัฒนาสมองอีกด้วย การเคลื่อนไหวร่างกายช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังสมอง ซึ่งส่งผลให้สมองได้รับออกซิเจนและสารอาหารมากขึ้น นอกจากนี้ การเล่นกีฬายังช่วยฝึกทักษะ การวางแผน การตัดสินใจ และการทำงานเป็นทีมด้วย

เจลลี่วิตามินเด็ก ช่วยบำรุงร่างกายให้สูงและฉลาดสมวัย วิตามินบำรุงสมองเด็ก

สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่กังวลใจว่า จะทำอย่างไรให้ลูกสูงและฉลาดสมวัยไปด้วยกัน เพราะเลือกสรรอาหารรวมถึงวางแผนเสริมวิตามินให้ลูกไม่เป็น สามารถเริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการเลือกเจลลี่วิตามินสูตรคุณหมออย่าง Jelly CARE GRO+ (เจลลี่ แคร์ โกร พลัส)

เนื่องจากใน Jelly CARE GRO+ 1 ซอง อุดมไปด้วยแคลเซียมแอลทรีโอเนต ซึ่งเป็นแคลเซียมที่สกัดมาจากพืช สามารถดูดซึมได้ 100% มีประโยชน์ในการช่วยเสริมสร้างความสูงของเด็ก ทั้งยังมี EPA/DHA ซึ่งเป็นกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่จำเป็นต่อพัฒนาการทางสติปัญญา และการทำงานของสมอง นอกจากนี้ใน Jelly CARE GRO+ ยังมีวิตามิน D3 และ K2 ที่ช่วยบำรุงกระดูก และหัวใจ ตลอดจนเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ 

ทำงานร่วมกับโปรตีโอไกลแคน สารสกัดจากกระดูกอ่อนปลาแซลม่อน ที่มีส่วนสำคัญในการช่วยให้ความสูงของเด็ก และโคลอสตรุ้ม หรือน้ำนมแรก ที่เพิ่มการทำงานของเซลล์สร้างกระดูก ให้กระดูกยืดขยายได้เร็วและแข็งแรง มาพร้อมกรดอะมิโนที่จำเป็นและวิตามินอื่นๆ รวมทั้งหมด 17 ชนิด เพียงเท่านี้เจ้าตัวเล็กก็จะได้วิตามิน แร่ธาตุ และสารอาหารที่จำเป็นต่อความสูงและสมองแล้ว

เจลลี่แคร์ สูตรวิตามินเพิ่มความสูง

ติดต่อสอบถาม Jelly CAREสั่งซื้อ Jelly CARE

 

chat line chat facebook