รู้หรือไม่?! เราสามารถตรวจหาเชื้อชาติและที่มาของบรรพบุรุษได้ด้วยการศึกษาผ่าน Haplogroup (แฮ็ปโลกรุ๊ป) ซึ่งจะบอกรายละเอียดเราได้ครบ ตั้งแต่ระดับร้อยปีไปจนถึงแสนปีเลยทีเดียว
ปัจจุบันการตรวจหาเชื้อชาติและที่มาของบรรพบุรุษกำลังได้รับความสนใจจากผู้คนทั่วโลก โดยหนึ่งในวิธีการหาคำตอบในเรื่องนี้คือการศึกษาจาก Haplogroup (แฮ็ปโลกรุ๊ป) ซึ่งเป็นการจำแนกและจัดกลุ่มพันธุกรรมที่สืบทอดร่วมกัน ผ่านการวิเคราะห์จากโครโมโซม Y ที่ได้มาจากฝั่งพ่อ และการวิเคราะห์จากไมโทคอนเดรีย (mtDNA) ที่ได้มาจากฝั่งแม่ ซึ่งในบทความนี้เราจะพาทุกท่านไปเจาะลึกด้วยกันว่า การศึกษาหาต้นตระกูลของเราแม้จะมีความซับซ้อนแต่ก็ไม่ใช่เรื่องทีเป็นไม่ได้
หากจะพูดให้เข้าใจง่ายที่สุด Haplogroup คือการจัดกลุ่มคนที่มีพันธุกรรมร่วมกัน ตามความสัมพันธ์ทางวิวัฒนาการว่ามีรากฐานมาจากที่ไหน ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม รวมทั้งการอพยพไปยังที่ต่างๆ กลายมาเป็นตัวเราในปัจจุบัน
สำหรับวิธีการตรวจที่มาของบรรพบุรุษรุ่นก่อนหน้า จะใช้ดีเอ็นเอ (DNA) ในการตรวจสอบ ซึ่งดีเอ็นเอที่ว่านี้ก็มีจากทั้งส่วนที่เป็นฝั่งพ่อและฝั่งแม่ โดยฝั่งพ่อจะตามรอยพันธุกรรมผ่านโครโมโซมวาย (Y Chtomosome) ที่ส่งต่อกันในเพศชายเท่านั้น ในขณะที่ฝั่งแม่จะใช้วิธีการตรวจผ่านดีเอ็นเอจากไมโทคอนเดรีย (Mitochondrial DNA) ซึ่งเมื่อนำหลักฐานทางพันธุกรรมเหล่านี้มาประกอบกับหลักฐานอื่นๆ เช่น บรรพชีวิน และโบราณคดี ก็จะทำให้เรารู้ต้นกำเนิด พร้อมเข้าใจการอพยพ ตั้งแต่ระดับพันปีย้อนกลับไปจนถึงแสนปี รวมไปถึงในช่วงต้นกำเนิดของสายพันธุ์มนุษย์ด้วย
ปกติแล้วร่างกายของคนเราจะมีโครโมโซมทั้งหมด 23 คู่ ประกอบไปด้วยโครโมโซมร่างกาย (Autosome) 22 คู่ และโครโมโซมเพศอีกหนึ่งคู่ ซึ่งตรงนี้เองที่ทำให้ผู้หญิงกับผู้ชายแตกต่างกัน เพราะโครโมโซมเพศหญิง คือ XX ในขณะที่ฝั่งผู้ชายจะเป็นโครโมโซม XY
สาเหตุที่นักวิจัยใช้โครโมโซม Y ในการตรวจหาพันธุกรรมต้นตระกูล นั่นก็เพราะว่าโครโมโซม Y จะส่งต่อมาจากฝั่งพ่อเท่านั้นและแทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลย ซึ่งเมื่อนำมาตรวจหาที่มาของบรรพบุรุษ ย้อนกลับไปรุ่นก่อนๆ ก็จะพบกับรหัสพันธุกรรมและเส้นทางการอพยพถิ่นฐานของคนรุ่นก่อนหน้าที่มาจากฝั่งพ่อ โดยนักวิจัยจะนำเส้นทางที่ได้มาอ้างอิงกับ แผนที่วิวัฒนาการทางชาติพันธุ์ (Phylogenetic tree หรือ Evolutionary tree) เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมที่ละเอียดมากขึ้นต่อไป
สำหรับการตรวจชุดพันธุกรรมฝั่งแม่จะใช้ไมโทคอนเดรีย เนื่องจากไมโทคอนเดรียเปรียบเสมือนแหล่งพลังงานของเซลล์ที่มีดีเอ็นเอซ่อนอยู่ ซึ่งเจ้าดีเอ็นเอที่ว่านี้เอง ถือเป็นหนึ่งในมรดกตกถอดที่ส่งต่อกันผ่านพันธุกรรมฝ่ายแม่เท่านั้น โดยหากนำมาตรวจย้อนลำดับบรรพบุรุษขึ้นไปเรื่อยๆ ก็จะทำให้เข้าใจที่มาและเส้นทางการอพยพของตระกูลตัวเองทางฝั่งแม่ได้
แต่นอกจากโครโมโซม Y และไมโทคอนเดรียแล้วนั้น ร่างกายของเราก็ยังมี โครโมโซมร่างกายซึ่งเป็นโครโมโซมที่ได้รับจากทั้งฝั่งพ่อและฝั่งแม่ด้วยนะ โครโมโซมร่างกายนี้ก็สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการศึกษาบรรพบุรุษได้เช่นเดียวกัน แต่เนื่องจากเป็นชุดโครโมโซมที่มีการผสมกันระหว่างพ่อและแม่ เราจึงไม่สามารถย้อนกลับไปหาบรรพบุรุษได้มากเท่ากับโครโมโซม Y หรือ ไมโทคอนเดรีย แต่อย่างไรก็ตามนักวิจัยก็ใช้โครโมโซมร่างกายมาศึกษาประกอบกัน และยังใช้ในการศึกษาด้านอื่นๆ ได้อีกด้วย โดยเฉพาะในเรื่องของรูปลักษณ์ภายนอก เช่น สีผม สีตา รูปหน้า เป็นต้น
เส้นทางการอพยพและที่มาของเชื้อชาติเรา หากได้รับการตรวจและวิเคราะห์ด้วยวิธี Haplogroup จะสามารถตรวจสอบย้อนหลังได้มากถึงแสนๆ ปีเลยทีเดียว เนื่องจาก haplogroup จะจัดลำดับวงศ์ตระกูล แบ่งแยกกลุ่มทางพันธุกรรมที่มีบรรพบุรุษร่วมกันโดยอ้างอิงจากดีเอ็นเอ และเปรียบเทียบกับฐานข้อมูลของชนชาติต่างๆ รวมทั้งดีเอ็นเอของบุคคลในอดีต ซึ่งวิธีการนี้เป็นกระบวนการที่แม่นยำมากที่สุดวิธีหนึ่งในปัจจุบัน
ทั้งนี้หากใครกำลังสนใจอยากรู้ที่มาของบรรพบุรุษตัวเอง สามารถเลือกใช้บริการของ Geneus DNA ได้ โดยทีมวิจัยของจีเนียสได้พัฒนาโปรแกรมที่มีชื่อว่า HaploSight ซึ่งมีความสามารถในการหา Haplogroup จากดีเอ็นเอโดยเฉพาะ โดยหลังจากเลือกใช้บริการแล้ว ให้รอผลการวิเคราะห์จากแล็บผ่านแอปพลิเคชันบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือ ก็จะได้ข้อมูลดีเอ็นเอที่บอกเกี่ยวกับที่มาของต้นตระกูลตัวเอง พร้อมข้อมูลสุขภาพและแนวโน้มความเสี่ยงโรคตามพันธุกรรมอื่นๆ ด้วย
ที่มา