ความฉลาดของลูกเป็นสิ่งที่พ่อแม่ทุกคนใฝ่ฝัน แต่คำถามที่สำคัญคือ ความฉลาดของลูกนั้นถูกกำหนดโดยพันธุกรรมหรือไม่? บทความนี้จะพาคุณสำรวจบทบาทของ DNA และยีนที่เกี่ยวข้องกับความฉลาด ว่ามียีนใดบ้างที่ส่งผลต่อระดับความสามารถทางปัญญาของเด็ก
พ่อแม่ส่วนใหญ่ต่างก็อยากให้ลูกฉลาด เรียนเก่ง และเติบโตมามีหน้าที่การงานดีๆ แต่สิ่งที่ทำให้หลายคนเป็นกังวลคือคำถามที่ว่า “ลูกสมองดีเพราะกรรมพันธุ์จริงไหม?” และถ้าใช่ การถ่ายทอดความฉลาดจากพ่อแม่มีผลอย่างไร? ลูกได้รับความฉลาดจากพ่อหรือแม่มากกว่ากัน? บทความนี้จึงจะพาทุกคนไปทำความเข้าใจ เกี่ยวกับบทบาทของ DNA ว่าลูกฉลาดเพราะยีนที่ได้ จากพ่อแม่จริงหรือไม่?
ยีน คือหน่วยพันธุกรรมพื้นฐานที่บรรจุข้อมูลทางพันธุกรรมในเซลล์ของสิ่งมีชีวิต ทุกยีนประกอบด้วยลำดับของนิวคลีโอไทด์ ซึ่งเป็นหน่วยพื้นฐานที่ประกอบเป็น DNA (ดีเอ็นเอ) โดยยีนทำหน้าที่เป็นแม่แบบในการผลิตโปรตีนที่มีบทบาทสำคัญ ในการทำงานของเซลล์ และการพัฒนาของสิ่งมีชีวิต ทั้งนี้ยีนที่ถ่ายทอดมาจากพ่อแม่จะกำหนดลักษณะทางชีวภาพต่างๆ ของลูก ไม่ว่าจะเป็น สีตา สีผม และลักษณะทางร่างกายอื่นๆ
ในขณะที่ยีนความฉลาดหรือ "Intelligence genes" คือยีนที่เชื่อมโยงกับความสามารถในการคิด และการเรียนรู้ที่เป็นประโยชน์ ตลอดจนชี้วัดความฉลาดของบุคคลได้ โดยงานวิจัยพบว่า มียีนหลายตัวที่มีบทบาทในการพัฒนา ความสามารถทางปัญญาของเรา เช่น ยีนที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของสมอง การเรียนรู้ และการคิดเชิงคณิตศาสตร์ โดยยีนเหล่านี้อาจมีผลต่อโครงสร้างและฟังก์ชันของสมอง ซึ่งส่งผลต่อระดับความฉลาดของบุคคลนั้นๆ
พันธุกรรมความฉลาด ส่งต่อจากพ่อแม่สู่ลูก
การศึกษาทางพันธุศาสตร์ได้แสดงให้เห็นว่า พันธุกรรมมีบทบาทสำคัญ ในการกำหนดระดับความฉลาดของบุคคล การวิจัยที่ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างพันธุกรรม และความฉลาด พบว่าพันธุกรรมมีอิทธิพลมากต่อสติปัญญาของคนนั้นๆ แต่ไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่กำหนดความฉลาด เพราะยังมีอิทธิพลอื่นที่มีส่วนสำคัญ ในการกำหนดความฉลาดของคนเราด้วย
ซึ่งหากอ้างอิงจากการศึกษาโดย Plomin et al. (2001) ได้มีการค้นพบว่า พันธุกรรมมีความสัมพันธ์กับความฉลาดประมาณ 50-70%ควบคู่ไปกับปัจจัยด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับบุคคลนั้น
การศึกษาค้นคว้ายีนที่เกี่ยวข้องกับความฉลาด ได้เปิดเผยข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับ บทบาทของยีนในกระบวนการพัฒนาสมอง และความฉลาด โดยยีนเหล่านี้มีผลต่อการทำงานของสมอง และการพัฒนาทางปัญญา แต่ในขณะเดียวกันยีนเหล่านี้ก็ไม่สามารถกำหนดความฉลาดทั้งหมดได้ ซึ่งยีนบางส่วนที่ถูกวิจัยมาแล้วว่า ยีนมีบทบาทสำคัญในการกำหนดระดับความฉลาดของมนุษย์
โดยการศึกษาพบว่ามียีนมากถึง 538 ยีนที่มีส่วนในการส่งผลต่อความฉลาด ยีนเหล่านี้รวมถึง LINC01104, PDE1C, FOXO3, EXOC4, SNAP25, Intergenic, ATXN2L และ APBA ซึ่งทำหน้าที่ต่างๆ ในการควบคุมการทำงานของสมอง เช่น การสื่อสารระหว่างเซลล์สมอง การเจริญเติบโตและพัฒนาของเซลล์ประสาท การส่งสัญญาณที่จำเป็นสำหรับกระบวนการเรียนรู้และจดจำ
นอกจากนี้ยีน LINC01104 และ FOXO3 ยังมีบทบาทในการควบคุมการแสดงออกของยีนอื่นๆ ในสมอง ซึ่งมีผลต่อการพัฒนาสมองในช่วงวัยเด็ก ในขณะที่ SNAP25 เป็นยีนที่เกี่ยวข้องกับ การทำงานของเซลล์ประสาท ทำให้การสื่อสารระหว่างเซลล์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ยีนเหล่านี้ทำงานร่วมกันเพื่อสร้างระบบสมองที่มีความซับซ้อน และมีศักยภาพสูง ส่งผลให้บุคคลมีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา และการตัดสินใจที่เฉียบคมมากขึ้น
ลูกได้ความฉลาดจากพ่อหรือแม่มากกว่ากัน?
การถ่ายทอดยีนความฉลาดจากพ่อแม่เป็นเรื่องที่ซับซ้อน และการศึกษาที่ผ่านมา ยังไม่สามารถระบุได้อย่างชัดเจนว่า พ่อหรือแม่มีอิทธิพลมากกว่ากัน ในการกำหนดความฉลาดของลูก
แต่มีบางข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่า บางยีนที่เกี่ยวข้องกับความฉลาด อาจมีการเชื่อมโยงกับโครโมโซม X (โครโมโซมเพศหญิง) ท่ีลูกได้รับการถ่ายทอดมาจากแม่ อ้างอิงจากการศึกษาของ Jacobsen et al. (2011) แต่ยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่า แม่มีอิทธิพลต่อความฉลาดของลูก มากกว่าพ่อจริงหรือไม่
การศึกษาช่วยเสริมความฉลาดได้
แม้ว่า DNA จะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดความฉลาด แต่การศึกษา และสภาพแวดล้อมก็มีผลกระทบต่อความฉลาดของแต่ละคนได้เช่นกัน เนื่องจากการศึกษาที่ดี สามารถช่วยเพิ่มศักยภาพทางสติปัญญาของลูกได้
โดยจากการศึกษาของ Barrett et al. (2015) แสดงให้เห็นว่า ไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่าพ่อหรือแม่มีอิทธิพลต่อสติปัญญาลูกมากกว่ากัน แต่การศึกษา และสภาพแวดล้อม ต่างมีหลักฐานสนับสนุนชัดเจนว่า มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาความฉลาดของลูกอย่างแน่นอน
ผลกระทบของสภาพแวดล้อมที่ดีต่อความฉลาด
สภาพแวดล้อมที่ดีและการสนับสนุนที่เหมาะสม สามารถช่วยให้ลูกพัฒนาความฉลาดได้ ซึ่งรวมไปจนถึงการมีโอกาสในการเรียนรู้ที่หลากหลาย การได้รับการสนับสนุนจากครอบครัว โรงเรียน ตลอดจนการมีสภาพแวดล้อมที่กระตุ้นการเรียนรู้ เช่น การมีประสบการณ์ใหม่ ๆ การได้รับการสนับสนุนทางอารมณ์และการศึกษา เป็นต้น
ดังนั้นจึงสามารถสรุปได้ว่า พันธุกรรมมีบทบาทสำคัญในการกำหนดความฉลาดของบุคคล โดยพันธุกรรมมีอิทธิพลประมาณ 50-70% ต่อความฉลาด ในขณะที่สภาพแวดล้อมและการศึกษาก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อสติปัญญาของแต่ละบุคคลด้วย ส่วนการถ่ายทอดยีนความฉลาดจากพ่อและแม่ ยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่า ลูกได้รับความฉลาดจากพ่อหรือแม่มากกว่ากัน
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า ครอบครัวไหนที่อยากให้ลูกฉลาด สามารถเริ่มต้นปูพื้นฐานให้ลูกได้ โดยเริ่มตั้งแต่การสร้างสภาพแวดล้อมที่ดี และให้การสนับสนุนด้านต่างๆ อย่างเหมาะสม เพื่อช่วยให้เด็กพัฒนาศักยภาพทางปัญญาของตนได้อย่างเต็มที่ และที่สำคัญควรรู้จักพรสวรรค์ และความสามารถของลูกตัวเองให้ชัดเจน เพื่อจะได้ส่งเจ้าตัวเล็กไปให้ถึงความฝัน
โดยในปัจจุบันได้มีการนำเทคโนโลยี มาทำการทดสอบทางพันธุกรรมโดยการตรวจดีเอ็นเอ (DNA) เพื่อหาพรสวรรค์ให้กับเด็กๆ ได้ ด้วยบริการของ Geneus DNA ผ่านการถอดรหัสพันธุกรรมกว่า 20,000 ยีน ด้วยเทคโนโลยี Whole Genome-wide Array (วิเคราะห์จำนวน SNPs กว่า 10 ล้านตำแหน่ง)
ซึ่งหลังจากตรวจ DNA เสร็จ จะทำให้ได้รู้ความลับทางสุขภาพ รวมถึงแนวโน้มทางสติปัญญา และความสามารถที่ซ่อนเร้นของเด็กๆ ซึ่งจะแสดงผลให้ได้เห็นผ่านยีน ที่ได้รับการวิเคราะห์ในห้องแล็บมาตรฐานสากล ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยคุณพ่อคุณแม่สามารถนำผลตรวจที่ได้ ไปเป็นแนวทางในการส่งเสริมศักยภาพลูกๆ และเสริมความฉลาดให้เจ้าตัวเล็กได้ตั้งแต่เนิ่นๆ เลยทีเดียว