Rated 4.98-stars across 2K+ reviews
Rated 4.98-stars across 2K+ reviews Rated 4.98-stars across 2K+ reviews Rated 4.98-stars across 2K+ reviews Rated 4.98-stars across 2K+ reviews Rated 4.98-stars across 2K+ reviews

ความดันโลหิตสูง อาจเกิดจากพันธุกรรม

GeneusDNA profile image By
GeneusDNA
|
Oct 28, 2024
|
211
สุขภาพ
พันธุศาสตร์
โรค
ความดันโลหิตสูง, ความดันโลหิตสูง อาการ, ความดันโลหิตสูง กรรมพันธุ์
Summary
ความดันโลหิตสูง, ความดันโลหิตสูง อาการ, ความดันโลหิตสูง กรรมพันธุ์

ความดันโลหิตสูง (Hypertension) เป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อย และมีผลกระทบต่อร่างกายที่รุนแรง โดยปัจจัยที่ทำให้เกิดความดันโลหิตสูงมีหลากหลาย รวมถึงพันธุกรรม การตรวจยีนจึงสามารถช่วยประเมินความเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูง และวางแผนการดูแลสุขภาพที่เหมาะสมได้

ความดันโลหิตสูง (Hypertension) เป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพที่พบบ่อย และเป็นภัยเงียบที่สามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยรวมอย่างร้ายแรง การทำความเข้าใจสาเหตุ, อาการ, และวิธีการรักษาโรคความดันโลหิตสูง จะช่วยให้เราสามารถจัดการ และป้องกันโรคนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ บทความนี้จะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับ ความดันโลหิตสูง รวมถึงการตรวจยีนเพื่อประเมินความเสี่ยงในอนาคต

เจาะลึก โรคความดันโรคหิตสูง ภัยเงียบใกล้ตัว อันตรายกว่าที่คิด

โรคความดันโลหิตสูง เกิดจากอะไร?

ความดันโลหิตสูงเกิดจากการที่ความดันเลือดในหลอดเลือดเพิ่มขึ้นจนสูงเกินไป ทำให้หัวใจต้องทำงานหนักขึ้น เพื่อสูบฉีดเลือดไปยังอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย สาเหตุของโรคนี้สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลักๆ ดังนี้

1. ความดันโลหิตสูงปฐมภูมิ (Primary Hypertension)
ความดันโลหิตสูงปฐมภูมิ หมายถึง ความดันโลหิตสูงที่ไม่มีสาเหตุที่ชัดเจน และมักจะพัฒนาอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามอายุ โดยปัจจัยที่มีความเสี่ยงสูง ต่อการเกิดความดันโลหิตสูงปฐมภูมิ ได้แก่

  • พันธุกรรม: การศึกษาพบว่า มีการถ่ายทอดพันธุกรรมที่เกี่ยวข้องกับความดันโลหิตสูง จากบิดามารดาสู่บุตร
  • การรับประทานอาหาร: การรับประทานอาหารที่มีปริมาณโซเดียมสูง (เกลือ), อาหารที่มีไขมันสูง และการบริโภคอาหารแปรรูป มีส่วนกระตุ้นโรคความดันโลหิตสูง
  • การขาดการออกกำลังกาย: การไม่ออกกำลังกาย หรือขาดการเคลื่อนไหวร่างกายอย่างเพียงพอ ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เป็นโรคความดันโลหิตสูง
  • การดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่: การบริโภคแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก และการสูบบุหรี่เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคได้

2. ความดันโลหิตสูงทุติยภูมิ (Secondary Hypertension)
ความดันโลหิตสูงทุติยภูมิเป็นความดันโลหิตสูงที่เกิดจากปัญหาสุขภาพ หรือโรคอื่นๆ ซึ่งอาจทำให้เกิดการเพิ่มความดันโลหิต เช่น

  • โรคไต: การทำงานของไตผิดปกติสามารถทำให้เกิดการสะสมของของเสียในเลือด ซึ่งส่งผลให้ความดันโลหิตสูงขึ้น
  • โรคฮอร์โมน: เช่น ภาวะคอเคซีทีค (Cushing’s Syndrome) หรือโรคฮอร์โมนต่อมไทรอยด์ผิดปกติ ทำให้เสี่ยงเป็นโรคความดันโลหิตสูง
  • การใช้ยา: การใช้ยาบางชนิดเช่น ยาคุมกำเนิด, ยากลุ่มสเตียรอยด์ และยาต้านการอักเสบ ก็เป็นตัวกระตุ้นการเกิดโรคนี้ได้

อาการของโรคความดันโลหิตสูง

อาการของโรคความดันโลหิตสูง

ในระยะเริ่มต้น ความดันโลหิตสูงมักจะไม่มีอาการที่ชัดเจน ซึ่งทำให้ผู้ป่วยไม่รู้ตัวว่ามีปัญหา จึงควรทำการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอเพื่อการวินิจฉัย อย่างไรก็ตาม หากปล่อยให้โรคนี้ดำเนินไปโดยไม่รับการรักษา อาจมีอาการต่างๆ ดังนี้

  1. ปวดหัวเรื้อรัง: โดยเฉพาะที่บริเวณท้ายทอย
  2. เวียนศีรษะ: อาจรู้สึกเหมือนมึนหรือสับสน
  3. เหนื่อยล้า: รู้สึกอ่อนเพลียหรือไม่มีแรง
  4. มองเห็นไม่ชัด: การมองเห็นอาจเบลอหรือมีจุดดำ
  5. หายใจลำบาก: การหายใจอาจติดขัด และรู้สึกหอบเหนื่อย
  6. เจ็บหน้าอก: อาจรู้สึกเจ็บหรือแน่นที่บริเวณหน้าอก

อันตรายจากโรคความดันโลหิตสูง

หากความดันโลหิตสูงไม่ได้รับการควบคุมอย่างเหมาะสม อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง ได้แก่

  • โรคหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Artery Disease): การอุดตันของหลอดเลือดที่เลี้ยงหัวใจ อาจทำให้เกิดโรคหัวใจวาย
  • โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke): การแตกของหลอดเลือดในสมอง อาจทำให้เกิดอัมพฤกษ์หรืออัมพาต
  • โรคไตเรื้อรัง (Chronic Kidney Disease): ความดันโลหิตสูงอาจทำลายเนื้อเยื่อไต และทำให้ไตไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ภาวะแทรกซ้อนในดวงตา: ความดันโลหิตสูงสามารถทำลายเส้นเลือดในดวงตา ทำให้เกิดปัญหาทางการมองเห็นได้

ได้

วิธีการรักษาโรคความดันโลหิตสูง

การรักษาความดันโลหิตสูงมีหลายวิธีที่สามารถช่วยควบคุม และลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนได้

1. การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต : การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และการดำเนินชีวิตเป็นขั้นตอนแรก ในการจัดการกับความดันโลหิตสูง

  • การรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ: ควรลดปริมาณโซเดียมในอาหาร โดยเน้นรับประทานผัก, ผลไม้ และอาหารที่มีไฟเบอร์สูง
  • การออกกำลังกายเป็นประจำ: การออกกำลังกาย เช่น การเดิน, วิ่ง หรือการว่ายน้ำ สามารถช่วยลดความดันโลหิตได้
  • การควบคุมน้ำหนัก: การลดน้ำหนักสามารถช่วยลดความดันโลหิตได้
  • ลดการบริโภคแอลกอฮอล์และเลิกสูบบุหรี่: การลดการบริโภคแอลกอฮอล์และการเลิกสูบบุหรี่ จะช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. การใช้ยา : หากการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตไม่เพียงพอในการควบคุมความดันโลหิต อาจต้องใช้ยาช่วย เช่น

  • ยาขับปัสสาวะ: ช่วยลดปริมาณของเหลวในร่างกาย และช่วยลดความดันโลหิตได้
  • ยาเบตา บล็อกเกอร์ (Beta Blockers ): ช่วยลดการทำงานของหัวใจ และลดความดันโลหิต
  • ยากลุ่มแอนจีโอเทนซิน (Angiotensin receptor blockers): ช่วยลดการหดตัวของหลอดเลือด และลดความดันโลหิต

การตรวจยีนหาแนวโน้มความเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูง

การตรวจยีนเพื่อประเมินความเสี่ยงของโรคความดันโลหิตสูงเป็นวิธีที่ทันสมัย ในการวิเคราะห์ความเสี่ยงโรคทางพันธุกรรม ซึ่งช่วยให้เราเข้าใจแนวโน้มของการเกิดโรคนี้ในอนาคต โดยการตรวจสอบพันธุกรรมสามารถให้ข้อมูลที่สำคัญ เกี่ยวกับยีนที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมความดันโลหิตได้ เช่น ยีนที่มีผลต่อการทำงานของหัวใจและหลอดเลือด, การเก็บน้ำในร่างกาย และการตอบสนองต่อความเครียด ซึ่งยีนเหล่านี้ อาจมีผลต่อระดับความดันโลหิตได้เช่นกัน

การรู้ข้อมูลพันธุกรรมจะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถประเมินความเสี่ยงของตนเองได้อย่างแม่นยำ และทำการปรับเปลี่ยนวิธีการดูแลสุขภาพได้ตามความเสี่ยงที่พบ เช่น การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้ชีวิตและการรักษาที่เหมาะสม นอกจากนี้ การตรวจยีนยังช่วยให้การวางแผนการป้องกันโรคมีความตรงจุดมากขึ้น

บริการตรวจยีนจาก Geneus DNA ใช้เทคโนโลยีการวิเคราะห์จีโนมที่ละเอียดสูง เช่น Whole Genome-wide Array ซึ่งสามารถวิเคราะห์ข้อมูลพันธุกรรมได้อย่างครบถ้วน กว่า 20,000 ยีน โดยให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงของโรคต่างๆ รวมถึงความดันโลหิตสูง ตลอดจนขอรับคำแนะนำเฉพาะบุคคลจากคุณหมอ เพื่อใช้วางแผนการดูแลสุขภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น 

 

อันตรายจากโรคความดันโลหิตสูง

 

chat line chat facebook